***เฮอร์บอลเดย์ครีม(ครีมปรับสภาพผิว) Herble Day Cream***
เฮอร์บอลเดย์ครีม(ครีมปรับสภาพผิว)

Herble Day Cream

ขนาด 5 กรัม./ราคา 207 บาท.
ขนาด 10 กรัม./ราคา 387 บาท.
ขนาด 30 กรัม./ราคา 978 บาท.


© Copyright 2007-2008 http://sunee-qhl.blogspot.com/ All rights reserved
สมุนไพรบัวสวรรค์ เฮอร์บอลเดย์ครีม
รหัสสินค้า: 000003
ราคา 978.00 บาท
รายละเอียด:

สมุนไพรบัวสวรรค์ เฮอร์บอลเดย์ครีม ครีมบำรุงผิวคุณภาพสูง อุดมด้วยสมุนไพรและสารสกัดอันทรงค่าจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงในการบำรุงและป้องกันผิวของคุณให้คงความอ่อนเยาว์ สดใส และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่เสียช่วยทำให้ฝ้ากระจุดด่างดำจางลงอย่างเห็นได้ชัด ช่วยทำให้ผิวขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย ปรับสภาพผิวหน้า ให้เนียนเรียบสม่ำเสมอ ทั้งยังใช้เป็นรองพื้นก่อนแต่งหน้าและป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดีตลอดทั้งวัน

ส่วนประกอบสำคัญ

1. ช่วยลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยส่วนผสมของ สารสกัดจากนางพญาหน้าขาว(พญารากเดียว) และอาร์บูติน(ARBUTIN)สารสกัดจาก(Bearberry)ช่วยควบคุมปฎิกิริยาการเกิดเม็ดสีเมลานินและค่อยๆ ลดเลือนฝ้า กระ รอยหมองคล้ำและจุดด่างดำบนใบหน้าอย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพสูง


สมุนไพรพญารากเดียว
พญารากเดียว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clerodendrum petasites S. Moore ชื่อวงศ์ : VERBENACEAE ชื่ออื่น : กาซะลอง, จรดพระธรณี, ดอกคาน, ปิ้งขม, ปิ้งหลวง, เท้ายายม่อม, พญาเล็งจ้อน, เล็งจ้อนใต้, พมพี, พินพี่, ไม้เท้าฤาษี, หญ้าลิ้นจ้อน รูปลักษณะ : พญารากเดียว เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1-2.5 เมตร ลำต้นตรง บริเวณปลายกิ่งเป็นสันสี่เหลี่ยม ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามหรือรอบข้อๆ ละ 3-5 ใบ รูปวงรีแกมขอบขนาน หรือรูปขอบขนานแกมใบหอกกลับ กว้าง 1.5-2.5 ซม. ยาว 12-18 ซม. ดอกช่อ แยกแขนง ออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว เชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว ผล เป็นผลสด รูปทรงกลม เมื่อสุกสีดำ มีกลีบเลี้ยงสีแดงติดอยู่ สรรพคุณของ พญารากเดียว : ราก ใช้เป็นยาขับเสมหะลงเบื้องต่ำ ขับพิษไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้อาเจียน หืดไอ และตำพอกแก้พิษ ผดผื่นคันบริเวณผิวหนัง พิษแมลงสัตว์กัดต่อย พิษฝี ทั้งฝีภายใน ฝีภายนอก พุพอง มีผลในการฆ่า​เชื้อ​และช่วยสมานผิว สารสำคัญ​ในนางพญาราก​เดียวสามารถ​แทรกซึม​เข้า​ไป​ใน​เนื้อหัวสิวจัด​การกับ​เชื้อ​โรคพี.​แอค​เน่ ​เมื่อสิว​โดนนางพญาราก​เดียว​เข้า​ไป​ก็จะ​ไม่คุ้น​เคยกับสาร​ในนางพญาราก​เดียว​จึง​ทำ​ให้​เชื้อ​โรคตาย ต่อจากนั้น​ก็จะ​ทำ​ให้ผิวหนัง​เกิด​การผลัด​เซลล์ผิวที่​เสื่อมหลุดลอกออก​ไป ​เกิด​การสร้างผิวหนัง​ใหม่ขึ้นมาทด​แทนผิว​เดิมที่ถูก​เชื้อสิว​ทำลาย​ไป​แล้ว มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง ต้านเชื้อ HIV ได้ด้วย

อาร์บูติน(Arbutin Bearberry)
Beta-Arbutin หรือในชื่อที่ใช้บ่อยคือ Arbutin ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่พบใน ต้น Bearberry (Uva Ursi) Arbutin มีคุณสมบัติทำให้ผิวขาวขึ้นโดยไปยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี ถึงแม้ว่า arbutin เป็นอนุพันธ์ธรรมชาติของ hydroquinone แต่ว่า arbutin ไม่มีความเสี่ยงหรือผลกระทบ เช่นเดียวกับ hydroquinone arbutin เป็นสารที่มีความปลอดภัยและไม่เปลี่ยนไปเป็น hydroquinone ง่ายๆ การยับยั้งการเกิดเซลล์เม็ดสีของ arbutin – การศึกษาทางชีวเคมีโดยการใช้ เซลล์เพาะเลี้ยง B16 melanoma โดย แล็ปวิจัยของ ศูนย์วิจัย Shiseido การศึกษาการทำงานยับยั้งการเกิดเซลล์เม็ดสี ของ arbutin โดยการใช้ เซลล์เพาะเลี้ยง B16 melanoma (เซลล์ที่เกิดจากการเหนี่ยวนำให้เกิดขึ้นโดยสารที่ทำให้เกิดเม็ดสี) โดยความเข้มข้นที่มากที่สุดในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดสีคือ 5×10-5 โมล ที่ความเข้มข้นนี้ พบว่าการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดสี ลดลงถึง 39% เปรียบเทียบกับเซลล์เม็ดสีที่ไม่ได้รับ arbutin ดังนั้นแสดงว่า arbutin มีผลในการลดกระบวนการของเอมไซม์ tyrosinase (เอมไซม์ที่ทำให้เกิดเม็ดสี) และในขณะที่ arbutin ถูกใส่ใน เซลล์เพาะเลี้ยง B16 melanoma พบว่า arbutin ไม่ได้ถูกย่อยสลายไปเป็น hydroquinone เพราะฉะนั้นจึงชัดเจนได้ว่า กระบวนการยับยั้งเซลล์เม็ดสีเกิดจาก arbutin โดยชัดเจน


2. สารสกัดจากใข่มุกแท้ (Pearl Extract) อุดมด้วยโปรตีนจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุ ผิวหน้าให้ดูเปล่งปลั่งสดใสช่วยให้ผิวหน้าเนียนเรียบดูอ่อนเยาว์กว่าวัยอยู่เสมอ


Pearl Extract

ไข่มุกธรรมชาติแท้
ไข่มุกธรรมชาติแท้ (Pearl Extract)
เป็นสารสกัดได้จากไข่มุกธรรมชาติ ซึ่งเป็นสารสกัดที่นิยมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากสารสกัดจากไข่มุกธรรมชาติ ( Pearl Extract) ประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกรดอะมิโนจำเป็นชนิดที่ผิวไม่สามารถสร้างเองได้ถึง 8 ชนิด และแร่ธาตุ ต่างๆ เช่น Calcium , Magnesium , Zinc , Strontium , Copper , Selenium , Silicon และ Titanium จากประวัติ การใช้สารสกัดจากไข่มุก พบว่า ไข่มุกช่วยลดกระน้ำตาลใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวขาวขึ้น (เม็ดสีหมองคล้ำน้อยลง) ทำ ให้ผิวมีสุขาภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องเสริมการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จึงทำให้ผิวเรียบ, มีความยืดหยุ่นดีขึ้น ดังนั้นจึงช่วยลดริ้วรอย ช่วยเสริมการทำงานของเอนไซม์ SOD Superozide dismutase enzyme เป็น enzyme ที่ยับยั้งสารอนุมูลอิสระ Free radical ในการปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) สารสกัดจากไข่มุกธรรมชาติ ช่วยควบคุมการหลั่งไขมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ในปัจจุบันวิทยาการก้าวล้ำไปจึงได้พัฒนา สารสกัดจากไข่มุก ให้อยู่ในรูป Hydrolyzed Pearl Liquid ซึ่งเป็นรูปที่ใช้ง่าย ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี และให้ประสิทธิภาพได้ดี เหมือนการใช้ไข่มุกที่ราคาแพง


3. phyto sterol สารสกัดธรรมชาติชนิดพิเศษจากพืชที่มีคุณสมบัติพิเศษในการเพิ่มความยืดหยุ่นผิวได้ดีมาก ทำให้ผิวดูเต่งตึงอย่างเห็นได้ชัดและยังเพิ่มความชุ่มชื่นช่วยลดรื้วรอยและลดความหยาบกร้านของผิวมี สารต้านอนุมูลอิสระช่วยชลอความแก่ (ตึง+เด้ง)

phyto sterol

ไฟโตสเตอรอล
ไฟโตสเตอรอล(phyto sterol)
จัดเป็นสารในตระกูลที่มี โครงสร้างทางเคมี ใกล้เคียงกับ โคเลสเตอรอลซึ่งพบได้ ในพืช โดยที่นิยมใช้คือ plant stanol ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของไฟโตสเตอรอลนั่นเอง ไฟโตสเตอรอลพบได้ ในเซลล์และเนื้อเยื่อพืช เช่นในเมล็ด ลําต้น หรือดอกของพืช โดยมีหน้าที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของเซลล์พืช รักษาความคงตัวของเยื่อหุ้มเซลล์(cell membranestabilizer) นอกจากนี้ยังมีหน้าที่อื่นๆ อันจําเป็นต่อการดํารงชีพของพืชเช่นมีฤทธิ์ ยับยั้งการเจริญ ของเชื้อราได้ ไฟโตสเตอรอลมี โครงสร้างทางเคมีที่คล้ายกับโคเลสเตอรอล คือเป็นวงแหวนขนาดใหญ่หลายวงเรียกว่าcyclopentanophenanthrene โดยที่ความแตกต่างระหว่างไฟโตสเตอรอลและ โคเลสเตอรอลนั้น อยู่ที่ตําแหน่งบางตําแหน่งบริเวณสายข้าง(side chain) ของโมเลกุลเท่านั้น (ไฟโตสเตอรอลที่พบมากในธรรมชาติแบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือ plant sterol (เช่น sitosterol) และplant stanol (เช่น sitostanol) ซึ่งสารกลุ่มแรกจะมีความใกล้เคียงกับ โคเลสเตอรอล คือมีพันธะคู่ ภายในโมเลกุล ในขณะที่สารกลุ่มหลังจะเป็นพันธะเดี่ยวซึ่งมีความ อิ่มตัวทางเคมี อาหารที่มีไฟโตสเตอรอลสูง ได้แก่ เมล็ดธัญพืช (cereal grain) ที่ยังไม่ขัดสี ถั่วเมล็ดแห้ง รำข้าว จมูกข้าว น้ำมันรำข้าว (rice bran oil)
ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol)
มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง และมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการด้วยกันคือ
- มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ
- ลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด
- ต่อต้านการเกิดมะเร็ง
- ช่วยเพิ่มระบบการไหลเวียนของเลือด
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว
- ช่วยป้องกันผิวจากการทำลายด้วยแสงแดด จึงช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
ที่มา : http://www.scielo.br/scielo.php?pid=S0101-20612010000500002&script=sci_arttext


4. เคอร์คิวมินอยด์ (Curcuminoids) สารสกัดจากขมิ้นชัน เป็นสารสีเหลืองจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติพิเศษมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่คอยทำลายผิวได้ดีมากๆ ช่วยต้านการเกิดริ้วรอยทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ทำให้ผิวเต่งตึงยืดหยุ่นดีขึ้น และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดปัญหาสิว ฝ้า ทำให้หน้าใสไร้ริ้วรอย

Curcuminoids

ขมิ้นชัน
เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoids) จากชมิ้นชัน
เคอร์คิวมินอยด์เป็นสารสีเหลืองสกัดจากเหง้าขมิ้นชัน (Curcuma longa Linn.) ประกอบด้วย สารหลัก 3 ตัว คือ เคอร์คูมิน (curcumin) ดีเมท็อกซี่เคอร์คูมิน (Demethoxycurcumin) และ บิสดีเมท็อกซี่เคอร์คูมิน (Bisdemethoxycurcumin) เคอร์คิวมินอย์มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี จึงนำมาใช้ประโยชน์ทั้งทางด้านยา อาหาร และเครื่องสำอาง ได้มีการวิจัยทั้งในคนและสัตว์ทดลองพบว่า เคอร์คูมินอยด์มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ฤทธิ์บำรุงรักษาตับ ช่วยป้องกันมะเร็ง ฤทธิ์ในการลดระดับโคเลสเตอรอล และ ฤทธิ์ในการป้องกันสมองเสื่อม
อนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระ คือโมเลกุลที่มีอีเลคตรอนเดี่ยว ซึ่งอยู่ในภาวะไม่คงตัว ว่องไวต่อการเกิดปฏิกริยาเคมี สาเหตุการเกิดอนุมูลอิสระมีได้หลายทาง เช่นแสงแดด อาหารที่เรารับประทานทุกวัน ภาวะมลพิษรอบๆ ตัวเรา เช่น ควันบุหรี่ ยาฆ่าแมลง สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านทั่วๆ ไป ในสภาวะปกติอนุมูลอิสระถูกจำกัดโดยระบบ ป้องกันของร่างกาย แต่ถ้ามีปริมาณมากเกินกว่าจะถูกทำลาย อนุมูลอิสระเหล่านี้จะไปทำปฏิกริยากับภูมิคุ้มกันและ มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพและการเกิดพยาธิสภาพของโรคต่างๆ เช่น ปวดเมื่อย โรคเกี่ยวกับหัวใจ โคเลสเตอรอลสูง แก่ก่อนวัย และเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง
สารต้านอนุมูลอิสระสามารถยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระหรือทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกาย ป้องกันเนื้อเยื่อหรือซ่อมแซมส่วนของเซลล์ที่ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ แหล่งที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระได้แก่ ร่างกาย อาหารบางชนิด และโดยการรับประทาน เนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะสูงทั้งในและนอกบ้าน การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม การสูบบุหรี่ คนส่วนมากจึงได้สารต้านอนุมูลอิสระจากร่างกายและอาหาร ไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเพิ่มเข้าไปในร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระแต่ละชนิดจะทำหน้าที่ในการต้านอนุมูลอิสระ แตกต่างกันออกไป สำหรับเคอร์คูมินอยด์นั้นทำหน้าที่ทั้งป้องกันและต่อต้านอนุมูลอิสระ
สรุปงานวิจัยเกี่ยวกับเคอร์คูมินอยด์

1. เคอร์คูมินอยด์ลดการสร้างอนุมูลอิสระของไขมันและลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมี นัยสำคัญในคน ขนาดเคอร์คูมินอยด์ที่ใช้ประมาณ 500 มก./วัน หรือเทียบเท่า ขมิ้นแห้งที่ได้มาตรฐานประมาณ 10 กรัม
2. เคอร์คูมินอยด์ป้องกันโรคสมองเสื่อมโดยลดจำนวนกลุ่มของสารซึ่งเป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อม ได้ในสัตว์ทดลอง นอกจากนี้ เคอร์คูมินอยด์ ยังช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อสมองที่เป็นโรคเกี่ยวกับสมองเสื่อมและ ลดการเสียหาย เนื่องจากการเกิดอนุมูลอิสระของเซลล์ในสมอง
3. เคอร์คูมินอยด์ยับยั้งการสร้างเอนไซม์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งบางชนิดและโรคอักเสบอย่าง เรื้อรังในสัตว์ทดลอง จากการศึกษามะเร็งเต้านมในคน เคอร์คูมินอยด์สามารถลดการเติบโตของมะเร็งเต้านมที่เกิด จากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีที่เป็นสาเหตุการเกิดของมะเร็งเต้านมได้ ในสัตว์ทดลองบพว่าเคอร์คูมินและอนุพันธ์ ของเคอร์คูมินสามารถยับยั้งการเกิดปฏิกริยาเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็งที่ลำไส้และผิวหนัง
4. เคอร์คูมินอยด์ป้องกันสารเคมี ยาฆ่าแมลงที่มีคุณสมบัติคล้ายเอสโตรเจน รวมทั้ง ดีดีที และไดอ๊อกซิน ไม่ให้เข้าสู่เซลล์และป้องกันเซลล์ไม่ให้เป็นมะเร็ง
5. ได้มีการทดลองทางคลินิกพบว่าการให้เคอร์คูมินอยด์ขนาด 1200 มก. ต่อวันเป็นเวลา 5-6 สัปดาห์ มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ โดยเคอร์คูมินอยด์ไปยับยั้งการสร้างเอนไซม์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์สารที่ก่อให้เกิด การอักเสบ เคอร์คูมินอยด์จึงสามารถนำมาใช้ต้านการอักเสบได้ เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องปวดข้อ แต่ทนยา แผนปัจจุบันไม่ได้เพราะมีผลข้างเคียงมากมาย โดยเฉพาะผลต่อกระเพาะอาหาร
6. สารสกัดขมิ้นชันมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราที่เป็นสาเหตุโรคผิวหนังโดยเฉพาะเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคกลาก
7. ขมิ้นชันยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง สารสำคัญในการออกฤทธิ์ คือ เคอร์คูมิน น้ำมันหอมระเหย และ p-tolylmethylcarbinol


5. Aloe Vera เป็นสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกันอาการระคายเคือง ช่วยสร้างเซลล์ใหม่ให้มีความอ่อน นุ่มเรียบ สะอาด และสดใส

Aloe Vera

ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ - Aloe vera
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera (L.) Burm.f.
ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis Mill
ชื่อสามัญ : Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados
วงศ์ : Asphodelaceae
ชื่ออื่น : หางตะเข้ (ภาคกลาง) ว่านไฟไหม้ (ภาคเหนือ)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 0.5-1 เมตร ลำต้นเป็นข้อปล้องสั้น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบต้น ใบหนาและยาว โคนใบใหญ่ ส่วนปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหนามแหลมห่างกัน แผ่นใบหนาสีเขียว มีจุดยาวสีเขียวอ่อน อวบน้ำ ข้างในเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อน ดอก ออกเป็นช่อกระจะที่ปลายยอด ก้านช่อดอกยาว ดอกสีแดงอมเหลือง โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 6 แฉก เรียงเป็น 2 ชั้น รูปแตร ผล เป็นผบแห้งรูปกระสวย
ส่วนที่ใช้ : ยางในใบ น้ำวุ้น เนื้อวุ้น และเหง้า
สรรพคุณ :
1. รักษาแผลไฟไหม้ และน้ำร้อนลวก ใช้วุ้นในใบสดทา หรือแปะที่แผลให้เปียกอยู่ตลอดเวลา 2 วันแรก แผลจะหายเร็วมาก จะบรรเทาปวดแสบ ปวดร้อน หรืออาการปวดจะไม่เกิดขึ้น แผลอาจไม่มีแผลเป็น (ระวังความสะอาด)
2. ผิวไหม้เนื่องจากถูกแดดเผา และแก้แผลเรื้อรังจากการฉายรังสี - ป้องกันการถูกแดดเผา ใช้ทาก่อนออกแดด อาจใช้ใบสดก็ได้ แต่การใช้ใบสดอาจจะทำให้ผิวหนังแห้ง เนื่องจากใบว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ฝาดสมาน ถ้าจะลดการทำให้ผิวหนังแห้ง อาจจะใช้ร่วมกับน้ำมันพืช หรืออาจจะเตรียมเป็นโลชันให้สะดวกในการใช้ขึ้น - รักษาผิวหนังที่ถูกแดดเผา หรือไหม้เกรียมจากการฉายแสง โดยการทาด้วยวุ้นของว่านหางจระเข้บ่อยๆ จะลดการอักเสบลง แต่ถ้าใช้วุ้นทานานๆ จะทำให้ผิวแห้ง ต้องผสมกับน้ำมันพืช ยกเว้นแต่ จะทำให้เปียกชุ่มอยู่เสมอ
3. แผลจากของมีคม แก้ฝี แก้ตะมอย และแผลที่ริมฝีปาก เป็นการรักษาแบบพื้นบ้าน ล้างใบว่านหางจระเข้ให้สะอาด บาดแผลก็ต้องทำความสะอาดเช่นกัน นำวุ้นจากใบแปะตรงแผลให้มิด ใช้ผ้าปิด หยอดน้ำเมือกลงตรงแผลให้เปียกอยู่เสมอ หรือจะเตรียมเป็นขี้ผึ้งก็ได้
4. แผลจากการถูกครูด หรือถลอก แผลพวกนี้จะเจ็บปวดมาก ใช้ใบว่านหางจระเข้ล้างให้สะอาด ผ่าเป็นซีก ใช้ด้านที่เป็นวุ้นทาแผลเบาๆ ในวันแรกควรทาบ่อยๆ จะทำให้แผลไม่ค่อยเจ็บ และแผลหายเร็วขึ้น
5. รักษาริดสีดวงทวาร นอกจากจะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการปวด อาการคันได้ด้วย โดยทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดและแห้ง ควรปฏิบัติหลังจากการอุจจาระ หรือหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมเล็กน้อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะทำให้สอดได้ง่าย ต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย
6. แก้ปวดศีรษะ ตัดใบสดของว่านหางจระเข้หนาประมาณ ? เซนติเมตร ทาปูนแดงด้านหนึ่ง เอาด้านที่ทาปูนปิดตรงขมับ จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ
7. เป็นเครื่องสำอาง
7.1 วุ้นจากใบสดชโลมบนเส้นผม ทำให้ผมดก เป็นเงางาม และเส้นผมสลวย เพราะวุ้นของว่านหางจระเข้ทำให้รากผมเย็น เป็นการช่วยบำรุงต่อมที่รากผมให้มีสุขภาพดี ผมจึงดกดำเป็นเงางาม นอกจากนั้นแล้ว ยังช่วยรักษาแผลบนหนังศีรษะด้วย
7.2 สตรีชาวฟิลิปปินส์ ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้รวมกับเนื้อในของเมล็ดสะบ้า (เนื้อในของเมล็ดสะบ้ามีสีขาว ส่วนผิวนอกของเมล็ดสะบ้ามีสีน้ำตาลแดง รูปร่างกลมแบนๆ ใช้เป็นที่ตั้งในการเล่นสะบ้า) ต่อเนื้อในเมล็ดสะบ้าประมาณ ? ของผลให้ละเอียด แล้วคลุกรวมกับวุ้น นำไปชโลมผมไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออก ใช้กับผมร่วง รักษาศีรษะล้าน
7.3 รักษาผิวเป็นจุดด่างดำ ผิวด่างดำนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอายุมาก หรือถูกแสงแดด หรือเป็นความไวของผิวหนังแต่ละบุคคล ใช้วุ้นทาวันละ 2 ครั้ง หลังจากได้ทำความสะอาดผิวด้วยน้ำสะอาด ต้องมีความอดทนมาก เพราะต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ จึงจะหายจากจุดด่างดำ แต่ถึงอย่างไรก็ดี ควรใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ทา จะทำให้ผิวหนังมีน้ำ มีนวลขึ้น
7.4 รักษาสิว ยับยั้งการติดเชื้อ ช่วยเรียกเนื้อ ช่วยลดความมันบนใบหน้า เพราะในใบว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ
7.5 โรงพยาบาลรามาธิบดี กำลังลองใช้กับคนไข้ที่เป็นแผล เกิดขึ้นจากนั่ง หรือนอนทับนานๆ ( Bed sore ) ปัจจุบัน มีเครื่องสำอางที่เตรียมขายในท้องตลาดหลายารูปแบบ เช่น ครีม โลชัน แชมพู และสบู่ สำหรับสาระสำคัญที่สามารถรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และอื่นๆ นั้น ได้ค้นพบว่าเป็นสาร glycoprotein มีชื่อว่า Aloctin A เป็น Anti-inflammatory พบในทุกๆ ส่วนของว่านหางจระเข้


6. Lanolin น้ำมันที่มีความบริสุทธิ์สูงสกัดจากน้ำมันหล่อเลี้ยงบนขนแกะ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวลดริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้เนียนเรียบขึ้น และมีคุณสมบัติ อีกอย่างคือ ทำให้ผิวอ่อนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น ช่วยปรับสีผิวให้ดูขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และดูอ่อนกว่าวัย

Lanolin

น้ำมันหล่อเลี้ยงบนขนแกะ
ลาโนลิน - Lanolin
ลาโนลิน คือ น้ำมันที่มีความบริสุทธิ์สูง สกัดจากน้ำมันหล่อเลี้ยงบนขนแกะ น้ำมันนี้จะถูกแยกออกมาจาก ขนแกะระหว่างกระบวนการฟอก ทำความสะอาดขนแกะ ลาโนลินที่นำมาใช้ในการผลิตลาโนลิน เป็นลาโนลินที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสูงสุดและมีส่วนประกอบความไม่บริสุทธิ์ น้อยกว่า 3 ส่วนใน 1 ล้านเท่านั้น ลาโนลินเป็นส่วนผสมหนึ่งในจำนวนส่วนผสมทุกประเภทของเครื่องสำอางค์ที่ผ่านการทดลองมามากที่สุด โดยมีการรายงานจากประเทศอเมริกา ( USA Cosmetic Ingredient Review safety assessment panel) ว่า “ ลาโนลิน และ วัตถุดิบที่มีลาโนลินเกี่ยวข้อง มีความปลอดภัยในการนำไปใช้เฉพาะที่ของมนุษย์” ลาโนลินเป็นน้ำมันธรรมชาติที่มีอยู่ในขนแกะ เพื่อทำหน้าที่ปกป้องแกะ จากสภาพลมฝน และปกป้องขนแกะไม่ให้เกิดอาการแห้งกรอบ น้ำมันลาโนลินดังกล่าวนี้ สกัดได้จากขนแกะดิบ และใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญ ในผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงผิวมาตั้งแต่สมัยกรีกและอียิปต์
ทางการแพทย์พบว่าลาโนลินเป็นน้ำมันธรรมชาติ มอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยรักษาน้ำหล่อเลี้ยงผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะ อากาศแห้งและแสงแดด ช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื่นลดความหยาบกระด้างของผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณไม่แห้งตึง และช่วยคงความอ่อนเยาว์
คุณสมบัติและคุณประโยชน์
ของลาโนลินเป็นที่รู้กันมาเป็นศตวรรษแล้วว่าสามารถทำให้ผิวอ่อนนุ่มได้ นอกจากนี้ได้มีการพบว่ามือของคนฟอกขนแกะ คนตัดขนแกะและผู้ที่ต้อง สัมผัสขนแกะตลอดเวลาในหลายประเทศ โดยเฉพาะในนิวซีแลนด์ เป็นที่รู้กันว่าจะ มีมือที่อ่อนนุ่ม นวลเนียนและดูเยาว์วัยอยู่เสมอ เนื่องจากได้สัมผัสกับขนแกะที่เคลือบไปด้วยลาโนลินบริสุทธิ์ ที่สัมผัสกับลาโนลิน จะมีความนุ่มเนียนไม่ว่าจะมีอายุมากเท่าไหร่ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของลาโนลิน จะมีคอลลาเจนซึ่งเป็นสารโปรตีนสำคัญ ที่ช่วยส่งเสริมการ สร้างเซลล์ทดแทนใหม่ และสนับสนุนการสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง
สรุป ลาโนลินคือ น้ำมันที่มีความบริสุทธิ์สูง สกัดจากน้ำมันหล่อเลี้ยงบนขนแกะ น้ำมันนี้จะถูกแยกออกมาจาก ขนแกะระหว่างกระบวนการฟอก ทำความสะอาดขนแกะลาโนลินที่นำมาใช้ในการผลิตลาโนครีมเป็นลาโนลินที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสูงสุดและมีส่วนประกอบความไม่บริสุทธิ์น้อยกว่า 3 ส่วนใน 1 ล้านเท่านั้น ลาโนลินเป็นส่วนผสมหนึ่งในจำนวนส่วนผสมทุกประเภทของเครื่องสำอางค์ที่ผ่านการทดลองมามากที่สุด โดยมีการรายงานจากประเทศอเมริกา ( USA Cosmetic Ingredient Review safety assessment panel)ว่า “ ลาโนลิน และ วัตถุดิบที่มีลาโนลินเกี่ยวข้อง มีความปลอดภัยในการนำไปใช้เฉพาะที่ของมนุษย์”


7. Zincoxide Ultrafine ซิ๊งค์อ๊อคไซด์ ที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัย ช่วยปกป้องแสงแดดได้ ตลอดวัน

Zincoxide Ultrafine

ซิ๊งค์อ๊อคไซด์
Zincoxide Ultrafine ซิ๊งค์อ๊อคไซด์
คุณสมบัติครีมกันแดด
สารกันแดด(Sunscreen Angets)หมายถึง สารที่ดูดซึมแสงอัลตราไวโอเลตแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานแสงที่อยู่ในรูปซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ข้อดีของการใช้ครีมกันแดดคือ ช่วยป้องกันอันตรายจากแสงอัลตราไวโอเลตต่อผิวและช่วยไม่ให้ผิวหนังดูแก่ก่อนวัยแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดฝ้า ผู้ที่เป็นฝ้าควรใช้ครีมกันแดดควบคู่ไปกับครีมป้องกันฝ้า จะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น ครีมกันแดเดจำเป็นมากสำหรับผู้ที่เล่นกีฬากลางแจ้งหรือมีอาชีพเป็นครูสอนกีฬา เทนนิส และว่ายน้ำ
ครีมกันแดดควรมีคุณสมบัติดังนี้
1. กรองแสงได้ทั้งยูวี-บี และยูวี-เอ อย่างน้อยควรกรองแสงช่วงยูวี-บีได้
2.ผ่านเข้าสู่ผิวหนังได้ง่าย จับกับผิวหนังได้ดีไม่ระเหยง่าย ไม่หลุดง่ายเมื่อถูกน้ำ มีความคงตัวดี ไม่สลายง่าย
3. ไม่เป็นสารที่มีพิษ และไม่ทำให้เกิดอาการแพ้
ปัจจุบันครีมกันแดดแบ่งเป็น 2 ประเภท
1.ครีมกันแดดชนิดกายภาพ มักมีสารกันแดดชื่อ Titanium Dioxide, Zinc Oxide, โดยหากมีคำว่า Mironized, microfine, ultrafine แสดงว่าครีมกันแดดนั้นมีความละเอียดมาก โมเลกุลเล็กทาแล้วจะเนียนมากกว่า
2.ครีมกันแดดชนิดเคมีมักมีการกันแดด ชื่อ Oxybenzone, Octhyl Methoxy, Cinnamates, PABA(parab enzoic acid) PABA esters, Sailcylate
ข้อเปรียบเทียบของสารกันแดด 2 กลุ่ม
สารกันแดดกายภาพ (สารกันแดดเคมี)
1.สะท้อนและกระจายรังสีทุกชนิดออกจากผิวหนังทันทีที่ตกกระทบอนุภาคของไทเทียมไดออกไซด์และซิงก์ออกไซด์ (ดูดซับรังสีไว้ที่โมเลกุลของสารซึ่งทาอยู่บนผิวหนัง)
2 กันแสงแดดยูวีในช่วงคลื่น 260-700นาโนเมตร (กันแสงแดดยูวีในช่วงคลื่น 280-365นาโนเมตร) 3.ปลอดภัยสูงไม่สะสม ไม่แพ้ระคายเคืองใช้ในเด็กเล็กได้ ล้างออกได้ง่ายแต่มักมีความเหนอะหนะ (มีผลสะสมที่ผิวหนังโอกาสเกิดการแพ้ระคายเคืองได้ง่ายกว่า เช่น แสบคันผิวหนัง แสบตาฯลฯห้ามใช้ในเด็ก)
4.ผงแป้งละเอียดมาก พื้นที่ผิวรอบอนุภาคมีมากทำให้สะท้อนและกระจายรังสีได้ดี มักทำให้เกิดเงาขาวหรือเทา ช่วยปกปิดรูขุมขนได้ดีมีความคงตัวสูงไม่ถูกทำลายโดยรังสีความร้อนหรือรังสีจากดวงอาทิตย์ (ต้องผสมน้ำมันหรือน้ำสลายตัวได้ง่ายเมื่อได้รับความร้อน หรือรังสีจากดวงอาทิตย์ทำให้ประสิทธิภาพลดลงต้องทาบ่อยๆ)
การสังเกตว่าเป็นชนิดกายภาพหรือชนิดเคมีให้ดูที่ข้างกล่อง หากระบุว่าเป็นเครื่องสำอางควบคุมแสดงว่าเป็นครีมกันแดดชนิดเคมี ส่วนชนิดกายภาพนั้นเป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์และข้างกล่องจะไม่พบคำว่า เครื่องสำอางควบคุม


8. Natural Jojoba Oil น้ำมันหล่อเลี้ยงผิวจากธรรมชาติที่มีความปลอดภัย อุดมด้วยวิตามิน E และกรดใขมันที่จำเป็น ดูดซึมได้ดี จะช่วยบำรุงทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใสเนียนนุ่ม

Natural Jojoba Oil

น้ำมันโจโจบา
Natural Jojoba Oil โจโจบาออยล์
ชื่อวิทยาศาสตร์: Simmondsia chinensis
ต้นกำเนิด : ทะเลทราย Sonoran ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ของเม็กซิโก และทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ลักษณะ : พืชตระกูล โจโจบา เป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกาในแถบอาริโซนาและแคลิฟอร์เนีย มีใบหนา ก้านยาว ลำต้นเป็นพุ่มสูงประมาณ 1-2เมตร และอายุยืนถึง100-200 ปี ดอกตัวเมียจะมีสีเขียว เมื่อโตเต็มที่จะมีสีน้ำตาลเข้มคล้ายผลไม้ ภายในบรรจุด้วยเมล็ดโจโจบา เรามักจะสกัดน้ำมันได้จากส่วนที่เป็นเมล็ดกว่า 50% ของน้ำมันทั้งหมด ซึ่งนำมาสกัดเป็นน้ำมัน มีแร่ธาตุทองแดง โครเมียม ไอโอดีน ซิลิคอน และสังกะสี นอกจากนั้นยังมีวิตามินอี และบีรวม ซึ่งล้วนแต่สำคัญสำหรับผิวพรรณ
น้ำมันโจโจบา (โฮโฮบา) มีลักษณะเป็นกึ่งของเหลวและแวกซ์ น้ำมันชนิดนี้เป็นน้ำมันที่นิยมใช้กันมากที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว บางครั้งใช้เป็นน้ำมันบำรุงผิวหน้าเพราะมีสารธรรมชาติอย่างที่เหมือนกันกับ Collagen ที่อยู่บนผิวหนังเรา อีกทั้งยังเป็น moisturizer ชั้นดีสำหรับทุกสภาพผิว ทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกและขจัดสิ่งสกปรกที่รูขุมขน จึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นสิวและผิวหน้ามัน น้ำมันโจโจบานี้จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะทำเป็นแฟเชียลออยล์และครีมล้างหน้า อีกทั้งน้ำมันนี้ยังมีประสิทธิภาพบำรุงเส้นผมและป้องกันผมร่วงได้อีกด้วย
คุณสมบัติที่ดีของน้ำมันชนิดนี้
- ช่วยลดเลือนเนื้อลายและรอยเหี่ยวย่น
-มีส่วนช่วยให้รอยแผลเป็นจางลง
-ช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงได้ยาวนานขึ้น
-ไม่ทำลายผิว
-ทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกและขจัดสิ่งสกปรกที่รูขุมขน จึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นสิวและผิวหน้ามัน และปรับสภาพความเป็นกรดด่างบนผิวได้ดี
-ปกป้องความชุ่มชื้นบนเส้นผมได้ดีเยี่ยม
-ให้ความรู้สึกไม่เหนอะหนะผิว
-กระจายตัวและดูดซึมได้ดีบนผิว
ไม่ระคายเคืองและเหมาะกับผิวแพ้ง่าย ในร่างกายคนเราสามารถผลิตน้ำมันที่มีลักษณะคล้ายโจโจบาได้เองตามธรรมชาติ แต่ปัจจัยที่ทำให้น้ำมันใต้ผิวลดลงขึ้นอยู่กับอายุ อากาศ สิ่งแวดล้อม มลภาวะ หรือแม้แต่ความเครียดก็มีส่วนทำให้น้ำมันใต้ผิวลดลงเราจึงต้องหาตัวช่วยที่จะทำให้ผิวของเราชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อใช้ทาผิวจะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น เนื่องจากโจโจบามีวิตามินอีที่ช่วยรักษาความชุ่มชื่นให้กับผิว และยังช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อีกด้วย
โจโจบายังช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในน้ำมันโจโจบา ยังมีแร่ธาตุทองแดง โครเมียม ไอโอดีน ซิลิคอน และสังกะสี นอกจากนั้นยังมีวิตามินอี และบีรวม ซึ่งล้วนแต่สำคัญสำหรับผิวพรรณ


วิธีใช้ หลังจากล้างหน้าแล้ว ลูบไล้ครีมสมุนไพร เฮอร์บอลเดย์ครีม ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ วันละ 1-2 เช้า-เย็น

© Copyright 2007-2008 q-h-l.blogspot.com All rights reserved


ดาวน์โหลด แผ่นพับฉบับย่อ ได้ที่นี่

เฮอร์บอลเดย์ครีม (ครีมปรับสภาพผิว)

เฮอร์บอลเดย์ครีม(ครีมปรับสภาพผิว) Herble Day Cream สมุนไพร สูตรพิเศษ โดยการผสม 4 ผสาน
1. ครีมบำรุงผิว
2. เวชสำอางค์
3. รองพื้นก่อนแต่งหน้า
4. ป้องกันแดด
เหมาะสำหรับสภาพผิวของชาวเอเชียโดยเฉพาะ ช่วยปรับผิวหน้าให้นุ่มเนียนลดอาการอักเสบของผิว จุดด่างดำ บำรุงผิวหน้า ช่วยกระชับรูขุมขน ลดรอยเหี่ยวย่น ทำให้ผิวหน้า นุ่มเนียน และ ขาวขึ้น ดูอ่อนกว่าวัยเมื่อท่านใช้ครีวติดต่อกันอยู่เสมอ และยังสามารถใช้รองพื้นก่อนแต่งหน้าได้เป็นอย่างดี สำหรับท่านที่แพ้เครื่องสำอางยี่ห้อต่างๆ ครีมปรับสภาพคุณภาพบัวสวรรค์ยังช่วยปรับสภาพผิวที่เสียให้ดีขึ้น อย่าง มหัศจรรย์

. วิธีใช้

- หลังจากทำความสะอาดผิวด้วยสบู่ สมุนไพร คุณภาพบัวสวรรค์แล้ว
- ทาครีมปรับสภาพผิว ลงบนผิวหน้า และลำคอ เพียงบางๆ ให้ทั่ว
- ควรใช้ อย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง เช้า และ ก่อนนอน
- ห้ามใช้ร่วมกับ ครีม ที่ ผลิตจากสารเคมีี

ไม่มีบทความ
ไม่มีบทความ